ทำไมต้องเป็น
“ไก่”?
เณตรชนก บัวสระ
สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านที่เคารพวันนี้ผู้เขียนจะพาไปรู้จักกับสำนวนที่ว่าด้วยเรื่องของ“ไก่”ค่ะ ไก่นั้นเป็นสัตว์ปีกอยู่ในประเภท
นกซึ่งต้นตระกูลมาจากสัตว์เลื้อยคลานที่มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ซึ่งเป็นสัตว์ที่เชื่อว่าคนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี(รามคำแหง,
2554: ย่อหน้า
2)
ตอนเด็กๆผู้เขียนเคยได้ฝึกท่องพยัญชนะไทยอยู่บ่อยครั้ง
เวลาท่องจะมีคำสร้อยต่อท้ายพยัญชนะนั้นๆ ทำให้เราจำได้ง่ายขึ้น เช่น ก.ไก่ ข.ไข่
ค.ควาย ฯลฯ ส่วนมากจะนำสัตว์ในชีวิตประจำวันที่เราพบเจอมาเป็นคำสร้อย ผู้เขียนได้คิดต่อไปว่าสัตว์อะไรที่คนไทย
คุ้นเคยและมีความใกล้ชิดมากที่สุด บางคนอาจคิดว่าเป็นสุนัข
เพราะเป็นสัตว์ที่มีความใกล้ชิดและซื่อสัตย์กับมนุษย์มากที่สุด บางคนบอกว่าเป็นวัว,ควายเพราะเป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับชาวนาไทยคอยช่วยไถ่ไร่ไถ่นาให้กับชาวนามายาวนานตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันหรือบางคนอาจบอกว่าเป็นช้างเพราะเป็นสัตว์ประจำชาติไทย
เป็นสัตว์ที่ร่วมรบกับพระมหากษัตริย์มา แต่สำหรับผู้เขียนกลับคิดต่างออกไปสังเกตได้จากการใช้ชีวิตประจำวันของผู้เขียนที่ตื่นเช้ามาสิ่งที่ยินคือเสียงสัตว์ชนิดหนึ่งที่ส่งเสียงขันทุกเช้า
ผู้อ่านพอนึกออกใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะสัตว์ชนิดนี้คือ“ไก่”นั่นเองหลายๆคนอาจจะสงสัยลองสังเกตจากสำนวนคำพังเพยต่างๆดูสิคะ
มี “ไก่”เข้าไปเกี่ยวข้องเสมอไม่แพ้สัตว์ชนิดอื่น เช่น“สุนัข”หรือ“ช้าง”เลย
สำนวนที่มีไก่เข้ามาเกี่ยวข้องนั้นมีมีอยู่มิใช่น้อยผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างสำนวนมาให้ผู้อ่านได้อ่านเพื่อสร้างความเข้าใจมากขึ้นสำนวนที่เกี่ยวกับ
“ไก่” เช่น
๑. ไก่แก่แม่ปลาช่อน หมายถึง
ผู้หญิงที่ค่อนข้างมีอายุ มีมารยาและเล่ห์เลี่ยมมาก
สำนวนนี้มีที่มาจากธรรมชาติอาจเพี้ยนมาจาก
“สำนวนกระต่ายแก่แม่ปลาช่อน”ซึ่งจะเห็นได้จาก วรรณคดีหลายๆเรื่อง เช่น
วรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี ของสุนทรภู่
เป็นตอนที่พระอภัยมณีปรารภถึงนางสุวรรณมาลีที่หึงหวงนางละเวงว่า “ขี้เกียจเกี่ยวเคี่ยวขับข้ารับแพ้ กระต่ายแก่แม่ปลาช่อนง่อนไม่หาย” ธรรมชาติแล้วกระต่ายเมื่อแก่มักจะว่องไวแต่กับไก่ความหมายในสำนวนคงจะหมายถึงธรรมชาติของไก่เมื่อแก่ย่อมจะมีเนื้อเหนียวเคี้ยวยากกว่าไก่รุ่น
จึงนำมาเปรียบเทียบกับหญิงที่มีอายุมากย่อมมีมารยามากกว่าสาวๆ ส่วนปลาช่อนโดยทั่วไปมิดุร้าย
แต่โดยธรรมชาติของแม่ปลาช่อนเมื่อวางไข่จะดุและสามารถกัดปลาอื่นให้ตายได้ที่เดียว(Ramet keng Tanawangsee, 2556: ย่อหน้า 26-30)นี่จึงเป็นที่มาของสำนวน“ไก่แก่แม่ปลาช่อน”นั่นเอง
๒. ไก่รองบ่อน หมายถึง
ตกอยู่ในฐานะที่เป็นรองเรียกเมื่อไหร่ก็ได้เสมอเป็นตัวแทนเวลาที่ต้องการแต่ไม่ค่อยสำคัญสักเท่าไหร่ สำนวนนี้มีที่มาจากไก่ที่อยู่ในบ่อนพนันไก่
คือไก่ชนที่ทางบ่อนจัดหาไว้เป็นตัวสำรองเผื่อจำเป็นต้องนำมาชนแต่ก็อาจชนะคู่ต่อสู้ได้เนื่องจากเป็นไก่ที่ซุ่มซ้อมมาเป็นอย่างดีเหมือนกัน
๓. เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หมายถึง
คนที่ทำอะไรไม่จริงจังไม่ตั้งใจทำให้ถึงที่สุดหรือเจออุปสรรคนิดหน่อยก็ล้มเลิกสำนวนนี้มีที่มาจาก
คนสมัยโบราณเปรียบคนชนิดนี้ว่า
ขนาดกองขี้ไก่ที่มีขนาดเล็กยังเหยียบให้ฝ่อหรือแบนไม่ได้เลย(แหล่งรวมสำนวน สุภาษิต
คำพังเพย, ม.ป.ป.:
ย่อหน้า 1-3)
๔. เจ้าชู้ไก่แจ้ หมายถึง ผู้ชาย ที่แสดงกิริยาเจ้าชู้ของผู้ชายที่จีบผู้หญิงเล่นๆไปทั่วโดยที่ไม่หวังแต่งงานเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยจริงจังหนัก
๕. งงเป็นไก่ตาแตก หมายถึง
ผู้ที่มีอาการงงมากจนคิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก สำนวนนี้มีที่มาจากการเปรียบเปรยถึงวงการพนันตีไก่ ไก่จะใช้เดือยในการแทงคู่ต่อสู้หากไก่ถูกตีจนตาแตกก็จะมึน
งงงวยทำอะไรไม่ถูก
สำนวนนี้มีที่มาจาก การอ้าปาก การอ้าปากในที่นี้หมายถึงคำพูดหรือการกระทำ
ส่วนลิ้นไก่เป็นก้อนเนื้อเล็ก ๆอยู่ต่อปลายเพดานอ่อนตรงกลางปาก สั่นรัวได้
ช่วยในการออกเสียงซึ่งความหมายในสำนวนนี้คือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในคำ เป็นต้น
สำนวนหรือคำบางคำอาจจะไม่ได้ระบุคำว่าไก่แต่ใช้ลักษณะอาการของไก่
เช่น สำนวน สู้จนยิบ(เย็บ)ตา หมายถึง
สู้จนถึงที่สุด, สู้ไม่ถอย ที่มาของสำนวนนี้กร่อนมาจากสำนวนเกี่ยวกับการตีไก่ซึ่งถูกตีจนต้องเย็บตาว่า
สู้จนเย็บตา เป็นต้น
“ไก่”ไม่ได้มีอยู่แค่ในสำนวนแต่มีอยู่ทั่วไปในชีวิตประจำวันของเราไม่ว่าจะเป็น
ชื่ออาหาร ก็มีข้าวมันไก่ ไก่ย่าง เครื่องใช้ก็มี
“ไก่” ไม่ว่าจะเป็นลูกขนไก่ ตาไก่ หรือแม้กระทั่งในปฏิทินยังมีปีไก่(ระกา)
ในร่างกายเราก็มีนั่นก็คือลิ้นไก่นั่นเอง
จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าคนไทยมีความผูกพัน
กับไก่มากและนานจนไม่อาจประมาณเวลาได้ นอกจากจะเป็นสัตว์เลี้ยงแล้วก็มีไก่อยู่ทุกที่ไปหมดจากที่ได้กล่าวไว้ซึ่งในปัจจุบันนอกจากไก่จะเป็นสัตว์เลี้ยงในตามชนบทแล้วไก่ยังนับได้ว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญอีกด้วย